| 
  
  
    |   | 
  
  
    เฉลยข้อสอบO-net ( วิทยาศาสตร์ วิชา ชีววิทยา) ปีการศึกษา 2560 สอบมีนาคม 2561 | 
  
  
    |       | 
  
  
     | 
  
  
    
      
        ข้อ 1  ( 4 )
           ข้อ 2 ( 2 )
           ข้อ 3 ( 3 )
           ข้อ 4 ( 4 )
           ข้อ 5 ( 4 )
           ข้อ 6 ( 2 )
           ข้อ 7 ( 1 ) 
           ข้อ 8 ( 4 )
           ข้อ 9 ( 2 )
           ข้อ 10 ( 4 )
           ข้อ 11 ( 5 )
           ข้อ 12 ( 5 ) 
          
           
           
            | 
        ข้อ 13 ( 4 )
           ข้อ 14 ( 4 )
           ข้อ 15 ( 2 )
           
           
           
            | 
        สิ่งดีๆเกิดขึ้นได้เนื่องจากมีผู้สนับสนุน
          ลิงก์ผู้สนับสนุน
          
 | 
       
      | 
  
  
    ข้อ 11)  กระบวนการใดที่ทำให้แก๊สคาร์บอนไดอกไซด์ในบรรยากาศเพิ่มขึ้นและลดลง  ตามลำดับ      (O-net 60) 
      1.  การคายน้ำ ,การหายใจ 
2.   การสังเคราะห์ด้วยแสง ,  การหายใจ 
3.  การหายใจ ,การย่อยสลายซากพืชและซากสัตว์ 
4.  การสังเคราะห์ด้วยแสง ,การย่อยสลายซากพืชและซากสัตว์ 
5.  การย่อยสลายซากพืชและซากสัตว์,  การสังเคราะห์แสง 
         | 
  
  
  
    
  | 
  
  
    | คำตอบข้อ 11 ) ตอบ  (5) 
      การย่อยสลายซากพืชและซากสัตว์,  การสังเคราะห์แสง
       เหตุผล       
      ๐ การหายใจ :: โดยทั่วไปปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ จึงเป็นการเพิ่มปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 
      ๐ การสังเคราะห์ ::  จะนำแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปใช้ในการสังเคราะห์แสง ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศลด 
      ๐ การย่อยสลายซากพืชซากสัตว์ :: มักเกิดกับจุลินทรีย์ที่มีการใช้ออกซิเจน เข้าไปสลายซากพืชและซากสัตว์เพื่อให้ได้พลังงานในการดำรงชีวิต  
      และปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา จึงเป็นการเพิ่มปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ  
           ๐ สอดคล้องกับตัวเลือกข้อ 5 การย่อยสลายซากพืชและซากสัตว์ (เพิ่ม),  การสังเคราะห์แสง (ลด) 
         | 
  
  
  
    |   | 
  
  
    ข้อ 12) ในระบบนิเวศที่สมดุลแห่งหนึ่ง  มีการถ่ายทอดพลังงานในรูปสายใยอาหาร ดังแผนภาพ (O-net 60) 
        
      ข้อใดอธิบายการถ่ายทอดพลังงานในสายใยอาหารนี้ไม่ถูกต้อง 
1.   หญ้าเป็นผู้ผลิต จะมีมวลชีวภาพมากกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นในระบบนิเวศ 
2.   ถ้ามีการฉีดสารเคมีกำจัดวัชพืช นกจะมีการสะสมสารเคมีมากกว่าหอยทาก 
3.   ถ้ากระต่ายเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้จำนวนแมลงและหอยทากลดลงเพราะอาหารน้อยลง 
4.   ถ้ากบและนกมีจำนวนลดลง  แมลงและหอยทากจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเพราะผู้ล่าลดลง 
5.  พลังงานในโซ่อาหารจะถ่ายทอดไปที่เหยี่ยวมากที่สุด เพราะเป็นผู้บริโภคขั้นสุดท้าย      | 
  
  
  
    
  | 
  
  
    คำตอบข้อ 12 ) ตอบ   (5)    พลังงานในโซ่อาหารจะถ่ายทอดไปที่เหยี่ยวมากที่สุด เพราะเป็นผู้บริโภคขั้นสุดท้าย 
      เหตุผล 
            ๐ ตัวเลือกที่ 5 ."พลังงานในโซ่อาหารจะถ่ายทอดไปที่เหยี่ยวมากที่สุด เพราะเป็นผู้บริโภคขั้นสุดท้าย" กล่าว  ผิด เพราะ 
       การถ่ายทอดพลังงานไปตามห่วงโซ่อาหาร  สิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้บริโภคเป็นลำดับสุดท้ายจะได้รับพลังงานลดลงไปเรื่อยๆตามลำดับขั้นการกินอาหาร  (Trophic level)  
        เป็นไปตามกฎสิบเปอร์เซ็นต์ (Law  of ten percent) กล่าวคือพลังงานศักย์  ที่สะสมในรูป เนื้อเยื่อของผู้บริโภคแต่ละลำดับขั้นจะ น้อยกว่า  พลังงานศักย์ที่สะสมใน  
        เนื้อเยื่อผู้บริโภคลำดับขั้นต่ำ กว่าที่ถัด กันลงมาประมาณ  10 เท่า ดังตัวอย่างการถ่ายทอดพลังงานในแผนภาพ 
             | 
  
  
    |   | 
  
  
    ข้อ 13)
      พื้นที่ใดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแทนที่แบบปฐมภูมิ(O-net 60) 
    1.   พื้นที่ป่าเสื่อมโทรม 
2.   พื้นที่มีการเผาทำลายป่า 
3.   พื้นที่ป่าที่เกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง 
4.   พื้นที่ถูกปกคลุมด้วยลาวาจากภูเขาไฟ 
5.   พื้นที่ทำไร่ของชาวเขาที่ถูกปล่อยทิ้งร้าง 
       | 
  
  
                 | 
  
  
    
  | 
  
  
    คำตอบข้อ 13 ) ตอบ (4) พื้นที่ถูกปกคลุมด้วยลาวาจากภูเขาไฟ 
      เหตุผล 
     ๐ "ตัวเลือกที่ 4 ที่พื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยลาวาจากภูเขาไฟ" เหตุการณ์ดังกล่าวสามารถทำลายสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวณที่เคยมีอยู่เดิมได้  
  เนื่องจากลาวาจากภูเขาไฟ เมื่อเย็นตัวลงจะกลายเป็น หินอัคนีพุ (Extrusive rock) จึงจัดเป็นการเปลี่ยนแปลงแทนที่ ที่เริ่ม จากบริเวณที่ปราศจากสิ่งมีชีวิต  
  เรียกการเปลี่ยนแปลงแทนที่ในลักษณะนี้ว่า การเปลี่ยนแปลงแทนที่แบบปฐมภูมิ (Primary succession)  | 
  
  
    |   | 
  
  
    |   | 
  
  
    ข้อ 14) ข้อมูลแสดงปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และจำนวนชนิดของไลเคน  ที่พบในบริเวณที่มีระยะห่างจากตัวเมืองต่างกัน ดังตาราง  
      (O-net 60)     
        
      จากข้อมูล ข้อใดกล่าวถูกต้อง 
1.   คุณภาพอากาศใน พ.ศ.  2555 ดีกว่า 2550 
2.   จำนวนชนิดของไลเคนจะเพิ่มขึ้นตามคุณภาพอากาศที่ลดลง 
3.   ความหลากหลายของไลเคน แปรผกผันกับระยะห่างจากตัวเมือง 
4.   ความหลากหลายของไลเคนแปรผกผันกับปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 
5.   จำนวนชนิดของไลเคนในทุกระยะห่างจากตัวเมืองใน พ.ศ. 2555 มากกว่า พ.ศ.2550 
         | 
  
  
  
    
  | 
  
  
    คำตอบข้อ 14 ) ตอบ  ( 4 )    ความหลากหลายของไลเคนแปรผกผันกับปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 
      เหตุผล 
            ๐  จากข้อมูลในตาราง จะเห็นได้ว่า บริเวณที่ห่างจากตัวเมือง  ยิ่งห่างมากปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ จะลดลง   
      ส่วนจำนวนชนิดของไลเคนยิ่งห่างจากตัวเมืองจำนวนไลเคนยิ่งเพิ่มสูงขึ้น 
        ๐ แต่เมื่อเปรียบเทียบ  ปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และจำนวนชนิดของไลเคน ในปี 2550 กับ ปี 2555 พบว่า ในปี 2555  ปริมาณ  
แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์  มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ส่วนจำนวนชนิดของไลเคนมีแนวโน้มลดลง 
        ๐ จะเห็นได้ว่า ในปี 2555 เมื่อมีปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในปี 2555 มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้จำนวนชนิดของไลเคนลดลง 
ทั้งบริเวณที่อยู่ใกล้และไกลจากตัวเมือง  
            ๐ แสดงว่าจำนวนชนิดของไลเคน จะแปรผกผัน กับปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์  
       | 
  
  
    |   | 
  
  
    |   | 
  
  
    ข้อ 15) ตารางแสดงจำนวนแพลงก์ตอน  และปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำ ของแหล่งน้ำ 2 บริเวณ ทั้งก่อนและหลังการสร้างโรงงาน เป็นดังนี้(O-net 60) 
          
      จากข้อมูล หลังสร้างโรงงาน  ข้อความใดกล่าวได้ถูกต้อง 
        1.   แหล่งน้ำบริเวณที่ 2 มีจำนวนแพลงก์ตอนมากขึ้น  ทำให้น้ำมีคุณภาพดีขึ้น 
2.   แหล่งน้ำบริเวณที่ 1 มีค่า DO  สูงกว่าบริเวณที่ 2 บริเวณที่ 1 จึงมีคุณภาพน้ำดีกว่า 
3.   แหล่งน้ำบริเวณที่  1 มีค่า BOD สูงกว่าบริเวณที่ 2 บริเวณที่ 1  จึงมีคุณภาพน้ำต่ำกว่า 
4.   แหล่งน้ำบริเวณที่ 1 แพลงก์ตอนใช้ออกซิเจนมากกว่าบริเวณที่  2 บริเวณที่ 1 จึงมีค่า BOD สูงกว่า 
5.   แหล่งน้ำบริเวณที่ 1 มีจำนวนแพลงก์ตอนน้อยกว่าบริเวณที่  2 แสดงว่า บริเวณที่ 1 ได้รับผลเสียจากโรงงานมากกว่า            | 
  
  
              | 
  
  
    
  | 
  
  
    คำตอบข้อ 15 ) ตอบ  (2)  แหล่งน้ำบริเวณที่ 1 มีค่า DO  สูงกว่าบริเวณที่ 2 บริเวณที่ 1 จึงมีคุณภาพน้ำดีกว่า 
      เหตุผล 
           ๐ ค่า DO (dissolved Oxygen) เป็นค่าที่แสดงปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำ ยิ่งมีค่าสูงแสดงว่าน้ำมีคุณภาพดี 
           ๐ ค่า BOD (Biochemical oxygen  demand) เป็นค่าที่แสดงถึง ปริมาณออกซิเจน  ที่จุลินทรีย์ใช้ในการย่อยสลายสารอินทรีย์  
        ในน้ำภายใน 5 วัน ค่า BOD สูงแสดงว่าน้ำเน่าเสีย 
           ๐ จากข้อมูลในตารางจะเห็นได้ว่า  ทั้งในบริเวณที่ 1 และ บริเวณที่ 2 หลังจากสร้างโรงงาน พบว่าค่า DO ของบริเวณที่ 1 จะสูงกว่าบริเวณที่ 2  
      ดังนั้นน้ำในบริเวณที่ 1 จึงมีคุณภาพดีกว่าบริเวณที่ 2  
           | 
  
  
    |   | 
  
  
    |   | 
  
  
    |   | 
  
  
    |   | 
  
  
    |   | 
  
  
     | 
  
  
      
      
       | 
  
  
           	   | 
  
  
    |   | 
  
  
  
      
      
      พัฒนาโดย ครูนันทนา สำเภา 
        ครูชำนาญการพิเศษ 
        โรงเรียนปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ 
      ช่องทางติดตามผลงงานทาง Youtube ::  
          
      
      
        
      
      
      ติดตามผลงานทางแฟนเพจเฟสบุ๊ค
         ::  
      
      
      
      
       
      
       
     | 
  
  
         
        
     |